คำอธิบายและวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2567
บริษัทฯ ขอนำส่งงบการเงินฉบับตรวจสอบแล้วสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2567 และรายงานการตรวจสอบข้อมูล ทางการเงินโดยผู้สอบบัญชีรับอนุญาต พร้อมกับคำชี้แจงสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผลการดำเนินงานเปลี่ยนแปลงเกินกว่า ร้อยละ 20 จากงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งสรุปได้ดังนี้ :
งบการเงินเฉพาะกิจการ
ในปี 2567 บริษัทฯ มีปริมาณการขายน้ำมัน 1,097.529 ล้านลิตร เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 เป็นจำนวน 163.007 ล้านลิตร หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.44 มีรายได้รวมทั้งสิ้นเป็นจำนวน 30,135.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 เป็นจำนวน 2,649.98 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.64 เนื่องจากสาเหตุที่สำคัญคือ รายได้จากการขายน้ำมันเพิ่มขึ้น จากปริมาณการขายส่งน้ำมันในประเทศ และการส่งออกน้ำมันไปต่างประเทศเพิ่มขึ้น และรายได้อื่นๆ เพิ่มขึ้น จากการกลับรายการรายได้รับล่วงหน้าค่าสนับสนุนช่วยเหลือทางการตลาด เป็นรายได้อื่น ซึ่งรายการดังกล่าวเกิดขึ้นพร้อมกับต้นทุนในการจัดจำหน่ายที่เพิ่มขึ้นด้วย ในขณะที่กำไรจากการขายเงินลงทุนลดลง เนื่องจากในปี 2566 บริษัทฯ มีกำไรจากขายเงินลงทุนในบริษัทย่อยจำนวน 1,135.36 ล้านบาท ซึ่งในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 บริษัทฯ ไม่มีรายการดังกล่าว บริษัทฯ มีกำไรสุทธิจำนวน 394.04 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 ที่มีกำไรสุทธิจำนวน 1,173.00 ล้านบาทแล้ว ลดลง 778.96 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 66.41 เนื่องจากในปี 2567 ไม่มีกำไรจากการขายเงินลงทุนในบริษัทย่อย แต่ถ้าเปรียบเทียบกำไรสุทธิในปี 2567 กับกำไรสุทธิในปี 2566 ซึ่งไม่มีกำไรพิเศษจากการขายเงินลงทุนในบริษัทย่อยสุทธิจำนวน 922.26 ล้านบาท ในปี 2566 แล้วจะทำให้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจำนวน 143.30 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 57.15
งบการเงินรวม
ในปี 2567 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีปริมาณการขายน้ำมันรวม 1,108.895 ล้านลิตร เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 เป็นจำนวน 19.278 ล้านลิตร หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.77 เนื่องจากบริษัทฯ และบริษัทย่อยมีปริมาณการขายส่งน้ำมันในประเทศ และส่งออกน้ำมันไปต่างประเทศเพิ่มขึ้น ทั้งๆที่ปริมาณการขายน้ำมันสายการบินและน้ำมันผ่านสถานีบริการของบริษัท ไซโนเปค ซัสโก้ ไม่ได้ถูกนับรวมเป็นปริมาณการขายในงบการเงินรวมของบริษัทฯ และบริษัทย่อย จากการที่บริษัทไซโนเปค ซัสโก้ จำกัด ซึ่งเดิมเป็นธุรกิจในบริษัทย่อย ได้เปลี่ยนสภาพเป็นกิจการร่วมค้า ขณะที่กลุ่มบริษัทซัสโก้ บียอนด์ ซึ่งเป็นบริษัทย่อยมียอดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า BYD จำนวน 2,350 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 เป็นจำนวน 287 คัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.91 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้รวม 33,149.61 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 เป็นจำนวน 557.17 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 1.65 เนื่องจากบริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกำไรจากการขายเงินลงทุนในบริษัทย่อยลดลงจำนวน 1,121.93 ล้านบาท ในขณะที่กลุ่มบริษัทซัสโก้ บียอนด์ ซึ่งเป็นบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น จากยอดจำหน่ายที่เพิ่มขึ้น และบริษัทฯ และบริษัทย่อย มีรายได้จากการขายน้ำมันเพิ่มขึ้น รวมทั้งรายได้อื่นเพิ่มขึ้น จากการกลับรายการรายได้รับล่วงหน้าค่าสนับสนุนช่วยเหลือทางการตลาด เป็นรายได้อื่น ซึ่งรายการดังกล่าวเกิดขึ้นพร้อมกับต้นทุนในการจัดจำหน่ายที่เพิ่มขึ้น บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 291.72 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 ที่มีกำไรสุทธิจำนวน 1,228.52 ล้านบาท เป็นจำนวน 936.80 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 76.25 จากการลดลงของกำไรจากการขายเงินลงทุนในบริษัทย่อย หากไม่รวมกำไรจากการขายเงินลงทุนในบริษัทย่อยสุทธิจำนวน 908.83 ล้านบาท ในปี 2566 จะทำให้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานลดลงจำนวน 27.97 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 8.75
ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีสินทรัพย์รวมจำนวน 10,690.40 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 ที่มีจำนวน 9,831.39 ล้านบาทแล้ว เพิ่มขึ้นจำนวน 859.01 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.74 เกิดจากสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนเพิ่มขึ้นจำนวน 638.47 ล้านบาท เนื่องจากสินทรัพย์สิทธิการใช้ จากสัญญาเช่าที่เพิ่มขึ้น และสินทรัพย์หมุนเวียนเพิ่มขึ้นจำนวน 220.53 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.06 จากลูกหนี้การค้าและลูกนี้หมุนเวียนอื่นเพิ่มขึ้น จากลูกหนี้ค่ารถยนต์ไฟฟ้า BYD เนื่องจากการขายรถไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้น และเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทฯ และบริษัทย่อย ขายเงินลงทุนในหลักทรัพย์จดทะเบียนและกองทุนตราสารหนี้
ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีหนี้สินรวมจำนวน 6,167.45 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 ที่มีจำนวน 5,256.12 ล้านบาท แล้วเพิ่มขึ้น 911.33 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.34 จากหนี้สินไม่หมุนเวียนเพิ่มขึ้นจำนวน 514.94 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 25.53 เนื่องจากหนี้สินตามสัญญาเช่า จากสัญญาการเช่าที่เพิ่มขึ้น และเงินกู้ยืมระยะยาว เพื่อใช้ในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น และหนี้สินหมุนเวียนเพิ่มขึ้นจำนวน 396.39 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.24 เงินเบิกเกินบัญชีและเงินกู้ยืมระยะสั้นเพิ่มขึ้นจำนวน 267.40 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 29.24 เนื่องจากบริษัทฯ กู้ยืมเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อชำระค่าสินค้าเพิ่มขึ้น และเจ้าหนี้การค้าและเจ้าหนี้หมุนเวียนอื่นเพิ่มขึ้นจำนวน 112.60 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.70
เมื่อพิจารณาร่วมกับอัตราส่วนทางการเงินต่างๆที่เกี่ยวข้องกับสภาพคล่องที่สำคัญ บริษัทฯและบริษัทย่อย มีอัตราส่วนสภาพคล่องที่ 0.92 อัตราส่วนหมุนเวียนลูกหนี้การค้าที่ 49.27 อัตราส่วนหมุนเวียนสินค้าคงเหลือที่ 28.45 อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นที่ 1.36 และอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นที่ 0.80 เป็นสิ่งยืนยันว่า บริษัทฯ และบริษัทย่อยยังมีสภาพคล่องที่สูงและเพียงพอ สำหรับใช้ในการดำเนินธุรกิจทั้งในปัจจุบันและที่จะขยายต่อไปในอนาคต
มุมมองของผู้บริหารต่อแนวโน้มและกลยุทธ์
1. ธุรกิจน้ำมันในปี 2567 เมื่อเทียบกับปี 2566 มีปริมาณการขายที่เพิ่มชึ้น เนื่องจากการปริมาณการขายส่งในประเทศ และส่งออกไปต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น และคาดว่ายอดขายจะยังคงเติบโตได้ในปี 2568 จากการเพิ่มสถานีบริการและการส่งออกน้ำมันที่เพิ่มขึ้น
2. ธุรกิจขายรถยนต์ไฟฟ้าในช่วงต้นปี 2567 ตลาดรถยนต์โดยรวมชะลอตัว เนื่องจากความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ แต่ในไตรมาส 4/2567 BYD ได้เปิดตัวรถยนต์ DENZA และ BYD รุ่นใหม่ ซึ่งมีราคาและรูปลักษณ์ที่ตรงตามความต้องการของกลุ่มผู้บริโภค ทำให้กลุ่มบริษัท ขายรถยนต์ไฟฟ้าได้มากขึ้น และ ได้ส่งมอบในช่วงปลายปี ต่อเนื่องจนถึงต้นปี 2568 นอกจากนั้นแล้ว BYD จะทยอยเปิดตัวรถรุ่นใหม่ เพื่อจับตลาดกลุ่มผู้บริโภครายใหม่เพิ่มเติม จึงคาดว่ายอดขายรถ EV ของแบรนด์ BYD และ DENZA จะยังคงเติบโตได้ดีในปี 2568
3. ธุรกิจ Non-oil บริษัทฯ ได้เร่งขยายพื้นที่เช่าและปรับโฉมสถานีบริการน้ำมัน SUSCO ให้มีความทันสมัยมากขึ้น นอกจากนั้นแล้วยังได้เปิดตัว SUSCO Square เพิ่มอีก 2 แห่ง ซึ่งคาดว่ารายได้จากค่าเช่าจะเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 20 % ในกลางปี 2568
4. ธุรกิจอื่นๆ บริษัทฯ ได้ทำการติดตั้ง EV-charger ในสถานีบริการเพิ่มอีก 10 สถานี และมุ่งหวังที่จะขยายความร่วมมือกับพันธมิตรต่างๆ ในการขยายจุดชาร์ทในสถานีบริการอย่างต่อเนื่องให้ครบ 100 สถานีภายใน 2 ปี และธุรกิจให้เช่าซื้อรถยนต์ ในโครงการ Grab EV เพื่อส่งเสริมการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในกลุ่มผู้ขับขี่ Grab ผ่านโปรแกรม “ผ่อนขับรับรถ” ซึ่งในปี 2567 นี้บริษัทได้ส่งมอบรถให้กับผู้ขับขี่แล้วจำนวน 90 คัน และคาดว่าจะทยอยส่งมอบรถยนต์ EV ต่อเนื่องในปี 2568 โดยมีเป้าหมายที่ 500 คันภายใน 3 ปี ซึ่งคาดว่าธุรกิจนี้จะช่วยเสริมสร้างรายได้ให้กับบริษัทฯ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เติมพลังให้วันของคุณ
สำนักงานใหญ่และคลังน้ำมันราษฎร์บูรณะ