มงคล สิมะโรจน์
ประธานกรรมการ
สำหรับสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศไทยในปี 2567 มีการเติบโตอยู่ที่ร้อยละ 2.5 ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยสะท้อนถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ยังปรับได้ไม่ดีเท่าที่ควร แม้ว่าปี 2566 จะมีการเติบโตอยู่ที่ร้อยละ 1.9 ก็ตาม สำหรับปี 2568 คาดการณ์การเติบโตจะอยู่ที่ประมาณร้อยละ 2.5-3.0 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจของไทยยังเติบโตได้ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับประเทศสมาชิกอาเซียนอื่น ๆ โดยปัจจัยที่ส่งผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ ได้แก่ ปัจจัยภายนอกและปัจจัยภายในที่สร้างความไม่แน่นอน เช่น นโยบาย Trade War ของสหรัฐอเมริกา การขาดดุลการค้ากับสาธารณรัฐประชาชนจีน หนี้ครัวเรือนภายในประเทศที่อยู่ในระดับสูง การลดลงของกำลังซื้อและการเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อเพื่อการซื้อบ้านและรถยนต์ ล้วนแต่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นต่อระบบเศรษฐกิจ อีกทั้งการตกต่ำของตลาดทุนและการขาดสภาพคล่องซึ่งยังคงเป็นความท้าทายสำคัญของรัฐบาลไทยในการสร้างมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อส่งเสริมความเชื่อมั่นให้กับภาคเอกชนเกิดการลงทุน การขยายกิจการและการจ้างงานเพื่อให้เศรษฐกิจไทยสามารถเดินหน้าต่อไปได้
สำหรับการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศในปี 2567 โดยรวมอยู่ที่ 155.49 ล้านลิตรต่อวัน เติบโตขึ้นประมาณร้อยละ 2.1 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยการใช้น้ำมันกลุ่มเบนซินยังคงทรงตัวที่ 31.65 ล้านลิตรต่อวัน ส่วนการใช้น้ำมันดีเซลมีการเพิ่มขึ้นเล็กน้อยอยู่ที่ 66.76 ล้านลิตรต่อวัน ขณะที่ยอดการใช้น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) เพิ่มขึ้น โดยมีปริมาณการใช้งานเฉลี่ย 16.02 ล้านลิตรต่อวัน ซึ่งเกิดจากการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจากประมาณการเดิมตั้งแต่เกิดโรคระบาดโควิดเมื่อ 4 ปีก่อน ซึ่งปัจจุบันอุตสาหกรรมการบินกำลังฟื้นตัวและเติบโตได้ดีขึ้น สำหรับธุรกิจน้ำมัน ในปี 2567 กลุ่มบริษัทฯ มีปริมาณการขายน้ำมันสำเร็จรูปจำนวน 1,108 ล้านลิตร ซึ่งใกล้เคียงกับปี 2566 ที่มียอดขายจำนวน 1,090 ล้านลิตร โดยสาเหตุหลักมาจากการจำหน่ายเงินลงทุนในบริษัทย่อยบางส่วนให้แก่กลุ่มไซโนเปค ทำให้ยอดขายน้ำมันเครื่องบินและสถานีบริการบางแห่งไม่ถูกนับรวมในงบการเงินรวม หากรวมปริมาณการจำหน่ายน้ำมันจากบริษัท ไซโนเปค ซัสโก้ จำกัด ด้วย จะทำให้ยอดขายน้ำมันของกลุ่มบริษัทฯ ในปี 2567 มีปริมาณการเติบโตจาก 1,304 ล้านลิตร เป็น 1,489 ล้านลิตร หรือเติบโตประมาณร้อยละ 15 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
สำหรับผลประกอบการของกลุ่มบริษัทฯ ในปี 2567 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้รวม 33,149 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจากปี 2566 ที่มีจำนวน 33,706 ล้านบาท มีกำไรสุทธิจำนวน 288 ล้านบาท ลดลงจาก 1,225 ล้านบาท ซึ่งกำไรที่สูงในปี 2566 เกิดจากกำไรพิเศษจากการจำหน่ายเงินลงทุนในบริษัทย่อยให้แก่กลุ่มไซโนเปค อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงสามารถทำกำไรได้ในปีที่ผ่านมา ท่ามกลางปัจจัยลบต่างๆ มากมาย ในปี 2567 สถานีบริการร่วมทุนไซโนเปค 26 แห่ง ได้มีการปรับโฉมรูปลักษณ์ทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว แต่ยอดขายสถานีบริการยังคงต่ำกว่าเป้าหมาย เนื่องจากสถานีบริการยังมีจำนวนน้อยและไม่เป็นที่รู้จักมากนัก จึงได้มีการทำการตลาดลดราคาจำหน่ายน้ำมันเป็นระยะ ๆ เพื่อกระตุ้นยอดการจำหน่าย อย่างไรก็ดี ในปีที่ผ่านมาค่าการตลาดต่ำลงมากจากความพยายามของภาครัฐในการขอความร่วมมือเพื่อแบ่งเบาภาระผู้บริโภคในช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดี ส่งผลให้บริษัทค้าปลีกน้ำมันมีกำไรขั้นต้นที่ต่ำ ขาดงบประมาณและแรงจูงใจในการทำการตลาดและการขยายการลงทุน ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ในอนาคต ค่าการตลาดจะดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา เพื่อให้เกิดการขยายธุรกิจและสร้างงานต่อไป สำหรับสถานีบริการอีกกลุ่มหนึ่งที่บริษัทฯ บริหารภายใต้เครื่องหมายการค้า ESSO หลังจากที่ได้มีการเข้าซื้อกิจการจากกลุ่มน้ำมันบางจาก สถานีบริการทั้งหมด 108 แห่งได้ปรับโฉมเป็นรูปแบบสถานีบริการน้ำมันบางจากเรียบร้อยแล้วเช่นกัน ขณะที่สถานีบริการรูปแบบ SUSCO จำนวน 130 แห่งยังคงดำเนินงานอยู่ โดยในปี 2568 กลุ่มบริษัทฯ มีแผนบริหารและขยายสถานีบริการทั้ง 3 เครื่องหมายการค้า อีกประมาณ 10-20 สถานี ซึ่งจะเป็นการขยายอย่างระมัดระวังตามภาวะเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ในส่วนของกลุ่มบริษัท ซัสโก้ บียอนด์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ทำธุรกิจเป็นตัวแทนการจัดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า BYD ปัจจุบันมีทั้งหมด 10 สาขา และในช่วงปลายปี 2567 บริษัทฯ ยังได้รับความไว้วางใจให้เป็นตัวแทนการจัดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า DENZA เพิ่มอีกหนึ่งแบรนด์ ซึ่งบริษัทฯ ได้เตรียมศูนย์จัดจำหน่ายในกรุงเทพมหานครไว้รองรับอยู่ก่อนแล้ว 1 แห่ง ทำให้ปัจจุบันกลุ่มบริษัทฯ มีศูนย์จำหน่ายรถยนต์รวมทั้งหมด 11 สาขา สำหรับยอดขายในปี 2567 ที่ผ่านมา บริษัทฯ สามารถทำยอดขายรวมได้ 2,350 คัน เพิ่มขึ้นจาก 2,063 คัน ในปี 2566 แม้ในภาวะอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศไทยจะมีการหดตัวลงถึงร้อยละ 26 จากการควบคุมสินเชื่อและภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดีตามที่กล่าวข้างต้น อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงคาดหวังยอดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าของกลุ่มบริษัทฯ ให้เดินหน้าเติบโตต่อไป จากการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ๆ ในปี 2568 นี้ ทั้งนี้ เนื่องจากเป็นธุรกิจใหม่ของกลุ่มบริษัทฯ การบริหารจัดการยังคงต้องทำด้วยความระมัดระวัง โดยเฉพาะในช่วงที่กำลังอยู่ในกระบวนการเปลี่ยนผ่านจากการใช้รถยนต์สันดาปไปสู่การใช้รถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งมีการปรับตัวสูงและมีการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังขยายธุรกิจการให้เช่าและเช่าซื้อรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อรองรับโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ที่กำลังเข้ามา บริษัทฯ หวังว่า ธุรกิจจัดจำหน่ายให้เช่าและเช่าซื้อรถยนต์ไฟฟ้าจะเติบโตได้ดี และกลายเป็นหนึ่งในธุรกิจหลักของกลุ่มที่จะสร้างการเติบโตในอนาคตได้
นอกจากกลุ่มธุรกิจสถานีบริการน้ำมันและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ที่ได้กล่าวถึงข้างต้นแล้ว บริษัทฯ ยังได้พัฒนาพื้นที่รีเทลขนาดใหญ่ภายใต้ชื่อ "ซัสโก้ สแควร์ SUSCO SQUARE" ซึ่งเดิมมีเพียง 2 แห่ง ปัจจุบันได้ขยายเพิ่มเป็น 4 แห่ง เพื่อตอบสนองการใช้ชีวิตของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป โดยได้ร่วมมือกับพันธมิตร เช่น ร้านอาหารและเครื่องดื่ม ทั้งแบบในอาคารและ Drive Thru เพื่อเพิ่มสัดส่วนของธุรกิจ Non-Oil ให้มากขึ้น บริษัทฯ ให้ความสำคัญในการออกแบบพื้นที่จอดรถให้กว้างขวางและเพียงพอ เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสินค้าและบริการได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย คาดว่า SUSCO SQUARE แห่งที่ 4 สาขาปิ่นเกล้าจะเสร็จสมบูรณ์ภายในปี 2568 และจะเป็นต้นแบบในการขยายกิจการ Non-Oil ต่อไป นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้จับมือกับพันธมิตรในการติดตั้งจุดชาร์จไฟฟ้าแบบชาร์จเร็วภายในสถานีบริการน้ำมัน เพื่อรองรับการเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญในการใช้พลังงานสะอาด โดยได้ติดตั้ง Solar Roof บนหลังคาสถานีบริการแล้วจำนวน 44 แห่ง และมีแผนจะติดตั้งเพิ่มเติมในอนาคต เนื่องจากสามารถช่วยประหยัดการใช้ไฟฟ้าได้เป็นอย่างดี และยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
ในปี 2567 บริษัทฯ ได้รับเกียรติคว้า 2 รางวัลสำคัญในงาน SET Awards 2024 ได้แก่ Outstanding CEO Awards และ Outstanding Company Performance Awards ซึ่งสะท้อนถึงความสำเร็จในการบริหารและพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน
ในนามของคณะกรรมการ ข้าพเจ้าใคร่ขอขอบคุณท่านผู้ถือหุ้น ผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม ทั้งลูกค้า คู่ค้า สถาบันการเงิน และผู้มีอุปการะคุณทุกท่าน ที่ได้ให้การสนับสนุนและเกื้อกูลกิจการของกลุ่มบริษัทฯ ด้วยดีเสมอมา รวมถึงผู้บริหารและพนักงานทุกท่านที่ได้ทุ่มเททำงานเพื่อให้กลุ่มบริษัทฯ เติบโตและมีความเจริญรุ่งเรืองอย่างต่อเนื่อง ข้าพเจ้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความสนับสนุนจากทุกท่านเช่นนี้ต่อไป เพื่อให้ธุรกิจของกลุ่มบริษัทยังคงเติบโตและมีความมั่นคงยั่งยืนไปในอนาคต
เติมพลังให้วันของคุณ
สำนักงานใหญ่และคลังน้ำมันราษฎร์บูรณะ